วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

วิธีการเลือกรองเท้าให้เหมาะสมกับสุขภาพเท้า

               คุณทราบหรือไม่ว่าการเลือกรองเท้าสำหรับสวมใส่อาจมีผลสร้างปัญหาใหญ่ให้กับเท้าได้ ผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับเท้าและข้อเท้าถึงหนึ่งในหกเกิดจากปัญหาการเลือกใช้รองเท้าที่ไม่เหมาะ การเลือกรองเท้าตามแฟชั่นและความนิยมอาจเป็นเหตุให้เกิดปัญหานิ้วเท้าเก ตุ่มโปนโคนนิ้วหัวแม่เท้า ตาปลาและนิ้วเท้างอ สาวๆที่เลือกรองเท้าส้นสูงมากๆ มักประสบปัญหาเหล่านี้ รองเท้าที่สูงมากอาจทำให้เกิดแรงกดบริเวณหน้าเท้าและหากรองเท้าปลายแหลมมากหน้าเท้าก็จะถูกบีบมาก อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดข้อเท้าพลิกทำให้เอ็นข้อเท้าแพลงและข้อเท้าเกิดอาการไม่มั่นคงเรื้อรัง



               การเลือกรองเท้าตามแฟชั่นมีมีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความทันสมัย อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถเลือกรองเท้าสุขภาพที่เป็นรองเท้าแฟชั่นได้ การใส่รองเท้าที่พอดีเหมาะสม สามารถป้องกันนิ้วหัวแม่เท้าเก โคนนิ้วหัวแม้เท้าโปน ตาปลา นิ้วเท้างอ ที่ทำให้เท้าและดูน่าเกลียดเมื่อถอดรองเท้า แนะนำว่าถ้าสาวๆคนไหนที่ชมชอบรองเท้าส้นสูงมากๆ ควรเก็บไว้ใส่เฉพาะโอกาสพิเศษที่ใส่ไม่เกินสองสามชั่วโมงจะเป็นการดูแลเท้าให้มีสุขภาพดีได้

               เรามีวิธีการเลือกรองเท้าที่เหมาะสมกับสุขภาพเท้ามาฝากจากหนังสือสุขภาพ Bone Care Kit กระดูก ๒๐๖ ชิ้นที่ควรใส่ใจ ดังนี้

      1. ซื้อรองเท้าตอนเย็นเพราะจะเป็นช่วงที่เท้าบวมใหญ่มากที่สุด
      2. ควรวัดขนาดของรองเท้าก่อนการซื้อรองเท้าทุกครั้ง อย่าใช้ขนาดเดิมตลอดเวลา เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นเท้าก็จะมีขนาดโตขึ้น
      3. ควรลองรองเท้าทั้งสองข้างก่อนซื้อและมั่นใจว่าใส่สบายพอดี บางครั้งเท้าทั้งสองข้างอาจมีขนาดแตกต่างกันเล็กน้อย รองเท้าควรมีความยาวมากกว่าความยาวของนิ้วเท้าที่ยาวสุดประมาณครึ่งนิ้ว
      4. เมื่อลองรองเท้าแล้วควรเดินไปมาๆรอบร้านให้มั่นใจว่ารองเท้าใส่สบายจริงๆ
      5. ไม่ควรใส่รองเท้าที่มีส้นรองเท้าสูงกว่า ๒ นิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าส้นตึก หรือรองเท้าบู๊ท
      6. ตรวจให้มั่นใจว่ารองเท้าใส่พอดีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
      7. รองเท้าที่ไม่หุ้มส้น เช่น รองเท้าแตะ ไม่เหมาะกับการใส่เพื่อเดินนานๆ เนื่องจากกล้ามเนื้อเท้าต้องทำงานเพื่อพยุงรองเท้าให้ติดเท้าตลอดเวลา หากต้องการจะใส่รองเท้าแตะควรต้องมีสายรัดด้านหลังของเท้าด้วย
      8. รองเท้าที่มีแผ่นรองเท้านิ่มมักช่วยรองรับน้ำหนักเท้าได้ดีและมักส่วมใส่สบาย และรองเท้าที่ด้านบนเท้านิ่มจะมีการยืดตัวออกรัดเท้าให้กระชับได้ดี
      9. ไม่ควรซื้อรองเท้าที่รัดเกินไปและรอเวลาให้รองเท้ายืดตัวเพื่อการสวมใส่ที่พอดี รองเท้าควรต้องใส่ได้พอดีตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ รองเท้าที่หลวงเกินไปและเท้าสามารถขยับไปมาในรองเท้าได้อาจเป็นเหตุให้เกิดตุ่มพองน้ำที่เกิดจากการเสียดสีภายในรองเท้าได้
      10.อย่ามั่นใจว่าขนาดที่เคยใช้กับรองเท้ายี่ห้อหนึ่งจะเป็นเบอร์ขนาดเดียวกับรองเท้าอีกยี่ห้อ

ที่มา http://www.pr.chula.ac.th/index.php/15-article/97-2014-06-17-00-40-27

ป้ายกำกับ: , ,

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

วิธีการเก็บรักษารองเท้า

1.หนังกลับเลี่ยงน้ำ ห้ามฮาร์ดคอร์ขัดถูแรง
      รองเท้าหนังกลับ หรือรองเท้ากำมะหยี่ แนะนำให้ใช้แปรงชนิดพิเศษที่ใช้กับหนังประเภทนี้เท่านั้น แปรงสิ่งสกปรกออกจากรองเท้าให้หมด แล้วใช้น้ำยาพิเศษที่ใช้ในการทำความสะอาดในบริเวณที่เราแปรง ห้ามขัดหรือถูพื้นผิวของรองเท้าแรงๆ เพราะจะทำให้เสียลักษณะของหนัง เมื่อรองเท้าสะอาดแล้วให้ใช้สเปรย์ที่มีคุณสมบัติในการกันน้ำแบบไร้สี หรือสเปรย์ที่มีสีเดียวกับรองเท้าฉีดให้ทั่วเพื่อรักษาคุณสมบัติของหนังไว้
      อีกทั้งรองเท้าหนังกลับจะต้องดูแลยากมากเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าใส่รองเท้าขับรถปัญหาที่พบบ่อยก็คือ ส้นรองเท้ากับหน้ารองเท้าจะดำ และตัวหนังกลับทำความสะอาดยากมาก เช่นเดียวกับหนังแกะ ซึ่งจะคล้ายกับหนังกลับ ตรงที่มีความนิ่มอยู่ในตัว ถ้าลงน้ำยาทำความสะอาดไม่ดี สีก็จะหลุด หนังแกะเป็นสีที่หลุดง่ายที่สุดในบรรดาหนังทุกชนิด

2.หนังวัวทำความสะอาดง่าย แต่ระวังยับย่น
      รองเท้าหนังวัวดูแลได้ไม่ยากคะ ลำดับแรกเมื่อกลับถึงมาบ้าน ถ้าจะเช็ดทำความสะอาด อย่าใช้น้ำยาที่มีความรุนแรงสูง เพราะหากน้ำยามีความรุนแรง พอเช็ดไปแล้วจะเกิดเป็นรอยด่าง พอเกิดรอยด่างจะแก้ไขได้ยาก ต้องเอามาให้ที่ร้านทำสีอย่างเดียวเท่านั้น จึงแนะนำว่าให้ใช้น้ำอุณหภูมิปกติ เช็ดทำความสะอาดแค่นั้นคราบสกปรกก็ออกแล้ว
            แม้จะทำความสะอาดง่าย แต่มักเกิดรอยยับรอยย่นขึ้นกับรองเท้าหนังวัว ถ้าจะลบรอยด้วยตัวเอง ให้หาฟองน้ำนุ่มเนื้อละเอียด เช่น ฟองน้ำสำหรับเกลี่ยรองพื้นมาลงน้ำยาสำหรับหนังชนิดนั้นๆ แล้วหมุนวนไปช้าๆ เบาๆ ก็จะช่วยลดรอยเบื้องต้นได้ แต่ข้อสำคัญคือ ฟองน้ำต้องนิ่มมาก และเวลาทำต้องใจเย็นค่อยทำ

3.หนังแก้วข้อที่สำคัญที่สุด ห้ามวางติดรองเท้าคู่อื่นเพราะจะทำให้รองเท้าเปลี่ยนสี
      รองเท้าหนังแก้วมีวิธีทำความสะอาดที่ไม่ยากเลยคะ ให้ใช้กระดาษชุบน้ำหมาดๆเช็ดทำความสะอาดรองเท้าจากฝุ่นและสิ่งสกปรก จากนั้นทาครีมที่ใช้รักษารองเท้าหนังแก้วโดยเฉพาะ แล้วพ่นสเปรย์เพื่อป้องกันหนังแห้งและลดการก่อตัวของรอยแตก การดูแลรักษาความสะอาดก็สามารถทำได้เช่นเดียวกับหนังวัว แต่ต้องใส่ใจให้มากในเรื่องการเก็บรักษา       
       หนังแก้วจะมีการดูดสีง่ายที่สุด หนังแก้วกับพลาสติกวางใกล้กันเมื่อไหร่ สีจะดูดเข้าไป กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากทำสีใหม่ ซึ่งการทำสีหนังแก้ว ก็จะมีราคาสูงกว่าการทำสีแบบอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงต้องเข้มงวดกับการเก็บรักษา ที่สำคัญอย่าวางรองเท้าหนังแก้ว ติดกับรองเท้าคู่อื่นๆ ถ้าต้องวางรวมกับคู่อื่น ก็ควรเอากระดาษห่อรองเท้าหนังแก้วไว้ รวมถึงไม่ควรเก็บลงกล่องรองเท้าที่อับ ไม่มีการระบาย เพราะจะยิ่งทำให้รองเท้าประเภทนี้อับ บวม และสามารถเปลี่ยนสีได้ง่าย

4.ผ้าใบห้ามใช้ขันตักราด ตากแดดแรงเหลือง

      รองเท้าผ้าใบสีขาวเมื่อเวลาซักแล้วโดนแดดที่แรงเกินไปอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้ ดังนั้นการห่อกระดาษทิชชู่ขณะตากก็จะช่วยลดอัตราการเปลี่ยนสีรองเท้าจากสีขาวเป็นสีเหลืองได้ นอกจากนี้การซักก็ต้องห้ามซักโดนบริเวณขอบยาง เพราะตรงนั้นจะมีรอยกาวด้านข้างอยู่ หากไปซักโดนมันอาจจะหลุดออกมาโดนผ้า และกลายเป็นรอยกาวสีเหลืองได้

5.รองเท้าพลาสติกวิธีรักษาดูแลค่อนข้างง่ายมากแค่เช็ดถูก็สวยปิ้งใหม่เว่อร์         
      รองเท้าพลาสติกดูแลค่อนข้างง่ายเพราะ วัสดุทำจากพลาสติกจะไม่ซึมซับน้ำ แห้งไว การทำความสะอาดจึงง่ายมาก วิธีการง่ายสุดๆ หากรองเท้าพลาสติกของคุณเลอะ เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดบริเวณที่เปื้อนให้คราบสกปรกหลุดออกมา หรือถ้าคราบติดแน่นมากใช้แปรงสีฟันนุ่มๆ ขัดเบาๆ ก็ได้ ด้วยความที่เป็นวัสดุพลาสติกจึงง่ายต่อทำความสะอาด ในวันฝนตกยามลุยน้ำลุยฝนเสร็จควรผึ่งรองเท้าพลาสติกให้แห้งก่อนเพื่อสุขภาพเท้าที่ดี ไร้เชื้อรา การเก็บรักษารองเท้าให้คงรูปทรงสวยงามอยู่ตลอดนั้น ด้วยความเป็นวัสดุพลาสติกแน่นอนต้องอ่อน นิ่ม จึงเสียรูปทรงง่าย ควรเก็บไว้ในกล่องรองเท้าจะดีที่สุด

ที่มา : http://www.hisooutlet.com/blogs/news/8953895-

ป้ายกำกับ: , , , ,

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แก้เท้าเหม็นด้วยวิธีง่ายๆ

แก้เท้าเหม็นด้วยวิธีง่ายๆ
เอาเท้าไปแช่ในน้ำยาบ้วนปาก

วิธีนี้อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่เอาเรื่องนิดนึงนะค่ะ  เพราะเราจะใช้น้ำยาบ้วนปากค่ะ ซึ่งราคาก็ถือว่าแพงอยู่เหมือนกัน  แต่เพื่อการต่อสู้กับกลิ่นเท้า  เราก็ต้องยอม  คือให้เราเอาน้ำยาบ้วนปากมาเทลงในกาละมังเล็กๆ พอที่เท้าทั้งสองข้างของเราใส่เข้าไปได้นั่นแหล่ะค่ะ  แล้วเอาน้ำยาบ้วนปากซัก 2-3 ฝามาผสมกับน้ำเปล่า  ผสมจนเข้ากันแล้วก็เอาเท้าของเราลงไปแช่ได้เลย  แช่ไปเรื่อยๆ ซัก 30- 60 นาที  ระหว่างนั้นคุณก็อ่านหนังสือ ดูทีวี แชตกับเพื่อนก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ  สารฆ่าเชื่อแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำยาบ้วนปาก  จะจัดการกับแบคทีเรียที่เท้าของคุณให้เอง

ถุงชาเก่าช่วยได้

เมื่อคุณกินน้ำชาที่ชงจากถุงเล็กๆ เสร็จแล้วอย่าทิ้ง  เพราะว่าเราจะนำมาใช้แก้กลิ่นเท้ากันค่ะ  วิธีก็ให้คุณนำถุงชาที่ใช้แล้วเนี่ย  มา 5 ถุง แล้วเอาลงแช่ลงในกาละมังน้ำอุ่น  จากนั้นให้คุณเอาเท้าลงไปแช่ซัก 10 นาทีนะค่ะ  ทำแบบนี้ประมาณ 2 ครั้งต่อสัปดาห์  กลิ่นเท้าของคุณจะหายไปค่ะ  เพราะความเป็นกรดด่างของถุงกาแฟนั้น  จะช่วยกำจัดและยับยั้งแบคทีเรียให้หมดสิ้นไปนั่นเอง

เกลือกับมะนาวแก้เท้าเหม็น

วิธีนี้ให้คุณต้มน้ำให้เดือดแล้วเอาเกลือใส่ลงไป  รอจนเกลือละลายแล้วค่อยเอามาเทลงในกาละมัง  จากนั้นให้เติมน้ำเย็นลงไปให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม  เพื่อไม่ให้คุณร้อนจนเกินไป  แล้วบีบน้ำมะนาวใส่ลงไปด้วย  จากนั้นคุณก็เอาเท้าลงแช่ได้เลยค่ะ  เพื่อผลลัพธ์ที่ดีให้คุณเอาแปรงมาขัดเท้าของคุณระหว่างแช่ด้วยนะค่ะ  ขัดทุกซอกเล็บให้สะอาด  ให้ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 3 วัน  กลิ่นเท้าของคุณจะค่อยๆ หายไปค่ะ

ใช้สารส้มมาขัดและแช่เท้าในสารส้ม

ให้คุณหาซื้อสารส้มผงมาละลายในน้ำอุ่น  แล้วเอาเท้าลงไปแช่  ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 3 ครั้งจะช่วยให้กลิ่นเท้าหายได้ค่ะ  หรือจะเอาสารส้มแบบเป็นก้อนเนี่ย  มาขัดเท้าของเราตอนที่เราอาบน้ำทุกวันนะค่ะ  เพียงเท่านี้ปัญหากลิ่นเท้าของคุณจะหายไปในไม่ช้าค่ะ

ขัดเท้าด้วยผงฟู (เบคกิ้งโซดา)

ผงฟูวัตถุดิบธรรมดาที่เราหาซื้อได้ตามร้านขายของชำทั่วไปเนี่ย  สามารถช่วยแก้ปัญหากลิ่นเท้าของคุณได้  โดยให้นำเอาผงฟูเนี่ยมาละลายกับน้ำเปล่าให้มันข้นนิดนึง  แล้วเอามาชโลมให้ทั่วเท้าของเราเลยนะค่ะ  จากนั้นหาแปรงเล็กๆ หรือแปรงสีฟันเก่าๆ เนี่ย  มาขัดทุกซอกทุกมุม ทั้งเท้าทั้งเล็บของเราจนทั่ว  ทิ้งไว้ 3-5 นาทีแล้วล้างออก  ซึ่งผงฟูจะช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดีค่ะ
ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเดทตอล

ให้เอาเดทตอลที่เราหาซื้อได้ทั่วไปเนี่ย  มาเทผสมกับน้ำเปล่าในกาละมัง  ซึ่งให้ใช้เดทตอลซัก 2-3 ฝาก็พอ  แล้วเอาเท้าลงไปแช่เลยนะค่ะ  ถ้าจะให้ดีก็หาแปรงมาขัดทำความสะอาดเท้าเราด้วย  ให้ทำแบบนี้ทุกวันก่อนนอน  รับรองว่าปัญหาเรื่องกลิ่นเท้าของคุณจะหมดไป

รักษาเท้าให้แห้งและใช้แป้งโรย

ให้ดูแลรักษาเท้าไม่ให้เปียกหรืออับ  ถ้าเท้าเปียกให้รีบหาอะไรมาเช็ดให้สะอาด  และให้คุณหาแป้งโยคี ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป  มาโรยบริเวณซอกเท้าของเรา  โดยแป้งนี้ให้เราโรยก่อนใส่ถุงเท้าด้วยทุกวัน  จะช่วยขจัดกลิ่นเท้าและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ค่ะ  เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องไปซักระยะหนึ่ง  ปัญหาเรื่องของกลิ่นเท้าจะหมดไปค่ะ

ลดกลิ่นเท้าด้วยใบสะระแหน่

ให้คุณนำเอามาซัก 2-3 กำ  มาต้มในน้ำซัก 7 ถ้วย  เมื่อน้ำเดือดแล้วให้เอามาเทลงในกาละมัง  รอจนน้ำหายร้อนจนอุ่นๆ แล้วก็เอาเท้าลงไปแช่ซัก 30 – 60 นาที  ระหว่างนั้นก็ขัดถูทุกซอกของเท้าคุณเลยนะค่ะ  กลิ่นเท้าของคุณจะหายไปและลดอาการส้นเท้าแตกที่กวนใจคุณอยู่อีกด้วย

หาซื้อสเปรย์ระงับกลิ่นเท้ามาช่วย

เพิ่มความมั่นใจของคุณด้วยการใช้สเปรย์ระงับกลิ่นเท้า  ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ  ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่ง  โดยให้คุณพ่นสเปรย์ให้ทั่วเท้าก่อนใส่ถุงเท้า สารเคมีในน้ำยาจะช่วยยับยั้งแบคทีเรีย  ก็จะช่วยระงับกลิ่นเท้าของคุณได้ในระดับหนึ่งค่ะ

ด่างทับทิมก็ช่วยได้

ให้หาซื้อด่างทับทิมมาผสมกับน้ำอุ่น  แล้วเอาเท้าลงไปแช่  และขัดเท้าด้วย  เท่านี้ก็จะช่วยขจัดและยับยั้งแบคทีเรียได้ค่ะ

ป้ายกำกับ: , , , ,

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ทายนิสัยจากรองเท้า

1.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าบู๊ท

คนที่ชอบสวมรองเท้าทรงบู้ทนี้ อุปนิสัยโดยทั่วไปแล้ว จะเป็นคนที่มีความตั้งใจอันมั่นคงมาก เช่นเมื่อคิดจะทำอะไรสักอย่างก็จะทำให้สำเร็จ โดยไม่ยอมให้ใครมาขัดขวางหรือหยุดยั้งความตั้งใจของตนได้ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่มีจิตใจนิยมชมชอบชีวิตที่ได้เสี่ยงภัยแบบหลุดโลกเอามาก ๆ แต่ว่าจะต้องมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดความผิดพลาดขึ้น เช่นการเล่นโดดจากที่สูงลงมาตายแล้วสามารถฟื้นคืนชีวิตได้อีก เป็นต้น



2.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าผ้าใบ

บุคลิกของคนที่ชอบสวมรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้ากีฬานี้ จะเป็นคนที่ดูสบาย ๆ เป็นมิตรน่าคบหา แต่ว่าไม่ใช่คนที่จะสามารถเผชิญหรือต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิตได้อย่างเด็ดเดี่ยวเพราะถนัดการหลีกหนีปัญหามากกว่า นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและจะพยายามทำทุกสิ่งเพื่อการสร้างฐานะ และยกระดับชีวิตของตนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ จนเหมือนคนที่เห็นแก่ตัว เอาแต่ตัวเองมาก่อนโดยไม่สนใจคนอื่น ๆ



3.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าแตะ

คนที่ชอบสวมรองเท้าแตะนี้ จะมีนิสัยที่ไม่ค่อยสนใจกรอบ หรือข้อกำหนดต่าง ๆ ในสังคมเอาเสียเลย ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วก็เป็นคนชอบการทำงาน และเอาจริงเอาจังทีเดียว ไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวด แต่ว่าก็ไม่ใช่คนถ่อมตัว คือถ้าสิ่งไหนที่ตนมีความสามารถทำได้ ก็จะทำอย่างดี และถ้าทำไม่ได้ก็จะยอมรับโดยไม่กลัวเสียฟอร์ม บุคลิกจะเป็นคนสบาย ๆ อัธยาสัยดี มีเพื่อนฝูงมากเป็นคนชอบตามใจคนอื่น แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเอาแต่ใจตนเองด้วยเหมือนกัน





4.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าหนังแบบลำลอง


รองเท้าหนังแบบลำลองนี้ ส่วนใหญ่มักเป็นรองเท้าหนังกลับ ซึ่งปกติผู้สวมใส่มักจะใส่ไปเที่ยว หรือไปงานที่ไม่เป็นทางการอะไรนัก ซึ่งสำหรับนิสัยคนที่ชอบใส่รองเท้าแบบนี้ เอามาก ๆ นั้น ก็จะเป็นคนที่ชอบชีวิตแบบสบาย ๆ มีอิสระในตัวเองโดยไม่ต้องขึ้นกับกฏเกณฑ์ของใครทั้งสิ้น ไม่ว่าครอบครัวหรือสังคม เป็นคนชอบตามใจตัวเอง ชอบการจับจ่ายซื้อหาข้าวของที่ชอบ หรือทำในสิ่งที่ตนพอใจ





5.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าหัวแหลมส้นสูง

รองเท้าทรงนี้ จะว่าไปแล้วก็คือรองเท้าคัทชูที่สาว ๆ ออฟฟิศใส่ทำงานกันนั่นเอง สำหรับนิสัยของคนที่ชอบใส่รองเท้าทรงนี้ จะเป็นคนที่ชอบการเป็นจุดเด่น การตกเป็นจดสนใจของคน และทำให้คนแรกเจอประทับใจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นคนที่ไม่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะคำวิจารณ์เกี่ยวกับตัวเองนอกจากนี้ยังเป็นคนพูดจาเก่งมีคารมคมคายเรียกความสนใจจากคนฟังได้ดี






6.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าหัวแหลมส้นเตี้ย

ลักษณะเหมือนกับรองเท้าคัชชูแบบแรก เพียงแต่ส้นเตี้ยกว่าเท่านั้นเอง ลักษณะนิสัยของคนที่ชอบสวมรองเท้าทรงนี้ จะเป็นคนค่อนข้างเอาจริงเอาจังมาก โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน ซึ่งจะเป็นคนทำงานที่มีแบบแผน รอบคอบและมีเป้าหมาย และจะพยายามทำให้สำเร็จดังเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความอดทนสูง ขอเพียงรู้ว่าปลายทางนั้น มีสิ่งที่ตนหวังเอาไว้ ก็ไม่ระย่อเลยที่จะเดินไปให้ถึงปลายทาง แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคเพียงใด






7.คำทำนายของคน ชอบสวมรองเท้าหัวป้านส้นเตี้ย

เป็นรองเท้าทรงที่ผู้ชายชอบใส่แต่ผู้หญิงไม่น้อยก็ชอบสวมรองเท้าทรงนี้ สำหรับลักษณะนิสัยของคนที่ชอบสวมรองเท้าแบบนี้ จะเป็นคนที่ใจกว้างให้ความช่วยเหลือคนง่าย แล้วก็ยังเป็นคนที่ซื่อสัตย์ สามารถไว้ใจได้ เก็บความลับเก่ง เพราะไม่ใช่คนช่างพูดอะไรนัก แต่หนักไปทางชอบลงมือทำทุกสิ่งให้เกิดเป็นรูปร่างขึ้นมาเพื่อแสดงความสามารถของตัวเองมากกว่า 










ป้ายกำกับ: ,

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การพัฒนาการของรองเท้า Converse ในยุค 70′s ถึง 90′s

การพัฒนาการของรองเท้า Converse ในยุค 70′s ถึง 90′s
         เราลองมาย้อนดูอดีตกันว่าเจ้ารองเท้า Converse สุดฮอต ตั้งแต่ในอดีตที่พอจะหารูปมาได้ จนถึงปัจจุบันกันว่ามีความคลาสสิคยังไง รูปแบบดีไซน์เมื่อก่อนนี้หน้าตาประมาณไหนลองมาดูกันครับ


Converse 70′s 
งานดูไม่เรียบร้อย เบี้ยวๆ เพราะเป็นงานแฮนเมด และที่ลิ้นรองเท้าไม่มีป้ายผ้า ALL STAR ยุค 80 ก็ไม่มี จะเริ่มมีก็ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา


ป้ายด้านหลังเริ่มแรกจะใช้ ป้ายสีดำบบในภาพ รุ่นที่เห็นจะเป็น ไส้ตะเกียง ครับไส้ตะเกียง คือแถบผ้าที่อยูตรงส้นเท้าหลัง ที่เป็นผ้าหรือวัสดุคนละแบบกับตัวบอดี้รองเท้า




ที่ซอฟรองเท้าตรงคำว่า Converse จะพิมพ์ด้วยสีดำ ถ้ายุคปี 80 จะเป็นสีน้ำเงิน




Converse 80′s
หัวรองเท้าจะเล็กกว่ายุค 90 บางล็อตขีดดำเส้นบนจะใหญ่มากดังรูป



ซอฟจะเป็นแบบนี้ ส่วนสีดำจะหายากกว่



อันนี้เป็นความเชื่อเล็กๆที่บอกกันมาว่า ป้าย All Star วงกลมด้านข้าง บนสุดสังเกตที่ภาพ ป้ายจะต้องมีติ่งเล็กๆอยู่ จากการเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ พบว่ามีเฉพาะของอเมริกาเท่านั้นที่มีติ่งนี้อยู่ สาเหตุุเพราะมันเป็นป้ายสติ๊กเกอร์ร้อน ซึ่งติ่งนี้ใช้เป็นตัวแกะเวลาที่ลอกออกแล้วเอาไปติดที่รองเท้าครับ แต่ถ้ามือ 2 เก่าๆ อาจหลุดหายไปก็มีแต่น้อยคู่ครับ



ตรงกลางพื้นที่เบอร์รองเท้า สังเกตที่ภาพมันจะมีดาวหกแฉกดวงเล็กๆอยู่ ของไทยไม่มี ของเกาหลีและอื่นๆ มี แต่ของอเมริกาดาวจะมีรูตรงกลาง ของเกาหลีและอื่นๆไม่มี และด้านบนสุดที่พี้นช่องสี่เหลี่ยมยาวมันจะมีลายยางเล็กๆตามไปหมด ของอเมริกาจะเป็นรูปข้าวหลามตัด ส่วนเกาหลีจะเป็นแท่งสีเหลี่ยม แต่ของไทยและอื่นๆ มันก็เป็นสี่เหลี่ยมนะแต่ไม่ละเอียดเท่าของ USA




Converse 90′s
หัวรองเท้าของปี 90 จะโตกว่า 80 และ 70




จะเริ่มมีการใช้บาร์โค้ดมาใช้กับรองเท้า ซึ่งจะพบได้เฉพาะสินค้าที่ได้มาตราฐาน แต่บางคู่อาจจะไม่มีเนื่องมาจากเป็นสินค้าที่ผิดมาตรฐาน หรือผิดรูปทรงต่างๆ จากการผลิต ก็จะไม่มีบาร์โค้ดนี้อยู่ครับ




ที่ซอฟพื้นรองเท้า สังเกตด้านขวามือ มีรูปรองเท้า 3 คู่ และด้านหลังถัดมาจะมีสัญลักษณ์เหลี่ยมเล็กๆ 2 อันอยู่ เจ้านี่มันจะบอกว่าทำจากวัสดุอะไร เช่นสัญลักษณ์สีเหลี่ยม 2 อันหมายถึง ผ้าใบ ส่วนสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดก็คือ ยางพื้น และประเทศที่ผลิตอื่นๆจะไม่มีคำว่า made in usa แต่จะมีชื่อประเทศผลิตนั้นๆที่ตรงบาร์โคดอยู่ที่สลิปด้านใน ส่วนเกาหลีมันจะเป็นแสตมป์เย็บติดไว้ที่ลิ้นเหมือนกัน



ป้ายกำกับ: , , , , , , , , , , ,

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีสังเกต Converse ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม

วิธีสังเกตรองเท้า Converse ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม

          รองเท้าคู่หนึ่งถ้าซื้อมาแล้วก็อยากได้ของที่เป็นของแท้แน่นอนใช่ไหมล่ะ ลองเสียเวลาอ่านบทความนี้ แล้วเอาไปสังเกตก่อนการเลือกซื้อ Converse คู่ใหม่กันดีกว่า


พบกับพวกเราได้อีก 1 ช่องทางที่ https://www.facebook.com/I-Luv-Converse-230570807355482/

ของแท้ : โลโก้มีความชัดเจนเป็นรูปดาวและมีลายเซ็น Chuck Taylor อยู่บนโลโก้ด้วย

ของปลอม : โลโก้ดูมัวๆ ดูน่าเกลียด ดูยังไงก็ไม่ใช่แน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงคำบางคำของชื่อสินค้าด้วย



ของแท้ : ป้ายสลิปจะปักด้วยฝีเข็มแบบถี่ โลโก้นูนดูชัดเจน เมื่อสัมผัสจะลื่นๆ
ของปลอม : ลักษณะการปักจะเป็นแบบตารางดอทดังภาพ ดูไม่ชัดเจน สัมผัสแล้วจะสากมือ

 

ของแท้ : ขีดรอบเล็กจะมีความชัดเจน เก็บงานได้เนี๊ยบเข้ากับทรงรองเม้าที่เห็นได้ชัดเจน
ของปลอม : จากภาพของปลอมจะผิดรูปบิดเบี้ยวไม่ได้ทรง และหัวจะป่องกว่าของจริง


ของแท้ : แท็กกระดาษมีความน่าเชื่อถือ มีรูปภาพพิมพ์และคุณสมบัติต่างๆอย่างชัดเจน
ของปลอม : แท็ก ของปลอมจะมีข้อมูลที่ไม่เคลีย เป็นเพียงกระดาษด้อยคุณภาพแผ่นบางๆ ที่ไม่มีข้อมูลการรับประกัน หรือเอกสารการผลิตที่สำคัญอื่นๆ เมื่อนำมาจุ่มน้ำสีจะตกด้วยครับ


 

จากภาพจะมีความแตกต่างกันที่ขอบยางและป้ายที่ชัดเจนถึง 3 จุด ที่สำคัญเวลารองเท้านำมา หัก, บิด เวลาเดินหรือทำกิจกรรมต่างๆ ยางจะไม่ปริออกจากตัวขอบผ้าครับ

 โลโก้พิมพ์ลายชัดเจนไม่จืดหรือไม่แตกตัวเมื่อโดนการเสียดสี


ของแท้จะมีปุ่มยางส่วนเกินเล็กๆที่เกิดจาก บล็อกแม่พิมพ์ ผลิตรองเท้า Converse ที่ มีมาแต่ช้านาน และยางที่พื้นของแท้จะมีความยืดหยุ่นสูงใช้เล็บจิกจะคืนรูปได้รวดเร็ว ส่วนของปลอมจะเป็นยางคุณภาพต่ำลักษณะแข็งเหมือนพลาสติกลื่นไถลได้ง่าย


 กระดาษห่อรองเท้าจะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน

 

แค่นี้ เราก็จะได้รองเท้า Converse คู่ใหม่ที่มั่นใจว่าเป็นของแท้ ไปใส่เท่ๆ แล้วล่ะครับ

ป้ายกำกับ: , , , , , , ,

ที่มาของ Converse

          ที่มาที่ไปของเจ้ารองเท้าที่มีชื่อว่า Converse

 
          Converse นั้นเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาโดย ทางบริษัท Converse Rubber Corporation ได้เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่เมื่อปี 1908 ซึ่งผู้ก่อตั้งคนแรกก็คือ มาร์ควิส เอ็ม คอนเวอร์ส โดยร้านแห่งแรกที่เมืองมัลเดนมลรัฐแมสซาชูเซตส์ สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ร้านแห่งนี้โด่งดังขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1917 เมื่อมีการทำรองเท้าผ้าใบรุ่น "All-Star" ออกสู่ตลาด
          ในปีถัดมา ชาร์ลส์ เอช “ชัค” เทย์เลอร์ บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทแห่งนี้จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตัวชัคนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้เล็งเห็นว่า รองเท้าคอนเวอร์สนั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการนักบาสเก็ตบอล ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าร่วมทำงานเป็นเซลส์แมนและเป็นทูตคอยโปรโมตสินค้าให้กับ Converse โดยระหว่างเดินทางไปแข่งขันบาสเก็ตบอลทั่วทั้งสหรัฐฯ ชัคจะแนะนำรองเท้า Converse ไปด้วย ทำให้ Converse กลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นัก
บาสเก็ตบอลและ วัยรุ่นอเมริกันด้วยเหตุนี้
          ในปี 1923 ทาง Converse จึงนำชื่อ Chuck Taylor's ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ของตนที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้าทำให้้ผู้คนมักเรียกรองเท้านี้ว่า“ชัคส์”ส่วนตัวชัคเองนั้น เขาทำงานให้กับ Converse อย่างหนักก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1969
          อย่างไรก็ตาม รองเท้าชัคส์นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆ ด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 Converse จึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆในการทำรองเท้าด้วยเช่นหนังหนังกลับไวนีลป่านแทนที่จะเป็นผ้าใบเพียงอย่างเดียวอีกด้ว



ป้ายกำกับ: , , , , , , ,